ต่อมาได้นำแนวคิดนี้ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานหน้าเว็บ ด้วยการลดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ด้วยการเก็บข้อมูลจากเว็บไว้ใน disk (ดิส) เมื่อมีการย้อนกลับไปดูข้อมูลนั้นอีกก็แค่ดึงข้อมูลกลับมาแสดงได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ หรือที่เรียกว่าการทำ caching (แคชชิ่ง)
แนวคิดการทำ caching (แคชชิ่ง) คือการเก็บข้อมูลที่มีคนเคยเรียกใช้ไปแล้วไว้ในตำแหน่งที่สามารถเรียกใช้อีกได้ทำให้คนที่ต้องการข้อมูลเดียวกันไม่ต้องไปดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์โดยตรง เพื่อเป็นการลด traffic (ทราฟฟิค) และเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูล ด้วยการแข่งขันที่สูงในปัจจุบัน ผู้ให้บริการเว็บไซต์ และเว็บแอพพลิเคชั่นทั้งหลายย่อมคำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งาน ทั้งความปลอดภัย ความเสถียรของการเข้าถึงข้อมูล โดยเฉพาะความเร็วในการเข้าถึงเนื้อหาข้อมูล หรือ content (คอนเทนท์) ต่างๆ ปัจจัยที่ใช้วัดความเร็ว คือ Request (รีเควส) การเรียกใช้งาน การแสดงผล Load Time (โหลดไทม์) หรือ เวลาในการโหลดทั้งหมดของหน้าโฮมเพจ และ Page size (เพจไซต์) ขนาดของไฟล์ทั้งหมด ของหน้าเพจ
อะไรทำให้หน้าเว็บโหลดช้า
- - เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือ เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักมากเกินไป
- จำนวน bandwidth (แบนด์วิดท์) ของ network (เน็ตเวิร์ค)
- script (สคริป) ต่างๆ ที่รันอยู่บนหน้าเว็บ
- ข้อมูล หรือ content (คอนเทนท์) บนหน้าเว็บ ถ้าหากเราอย่างรู้ประสิทธิภาพของเว็บที่เราใช้บริการอยู่ หรือเว็บที่เราให้บริการอยู่สามารถทำได้ด้วยการทดสอบ page speed (เพจสปีด) เป็นเครื่องมือในการทดสอบประสิทธิภาพของหน้าเว็บ จากความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการให้กับบริการเว็บ หรือเว็บแอพพลิเคชั่นต่างๆ บางผู้ให้บริการบางเลยจึงนำ CDN เข้ามาใช้
ประโยชน์
- สำหรับผู้ใช้บริการ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถทำงานได้เร็วกว่า ที่ไม่ได้ใช้ระบบ CDN เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงของมูลของผู้ใช้บริการ การโหลดข้อมูลบนเว็บไซต์ ทำงานได้เร็วขึ้น และมีความเสถียรมากขึ้น
- มีการการันตีความปลอดภัย มีการป้องกันการโจมตีแบบ DDoS เป็นต้น และรองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลได้
- สำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นการลด traffic (ทราฟฟิค) ที่เกิดขึ้นบนระบบเครือข่าย
- สำหรับเจ้าของ content (คอนเทนส์) หรือเจ้าของเว็บ เป็นการลดภาระของ Host (โฮส) ในการดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ทำให้ลดเวลาการทำงาน และลดการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ด้วย เพราะมีการกระจายข้อมูลหรือ content (คอนเทนส์) ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของเครือข่าย CDN (ซีดีเอ็น)
ตัวอย่างธุรกิจที่ทำงานบนเครือข่าย CDN (ซีดีเอ็น)
- KKBOX (เคเคบ็อค) ผู้ให้บริการ cloud-based streaming music (คลาวด์ เบท สตรีมมิ่ง มิวสิค) ที่มี content (คอนเทนส์) เพลงจากค่ายเพลงมากกว่า 500 ค่ายเพลง มีจำนวนการ streaming (สตรีมมิ่ง) มากกว่า 5 พันล้าน track (แทร็ก) ต่อปี ซึ่งสามารถใช้บริการ KKBOX (เคเคบ็อค) ได้ในหลายประเทศ ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศไทย
- ธนาคารกรุงเทพ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในด้านสินทรัพย์ของประเทศไทย อีกทั้งเป็นธนาคารชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสาขามากกว่า 1,200 สาขา และมีสาขาในต่างประเทศ 32 แห่งใน 15 เขตเศรษฐกิจของโลก
ความต้องการของธุรกิจเหล่านี้ คือ เพื่อรองรับลูกค้าจำนวนมาก ต้องการเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ การเข้าถึงข้อมูลจากหลายประเทศ และความเร็วในการเข้าถึง ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูลด้วย