AI of Everything (เอไอ ออฟ เอเวอรี่ติง): สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตเดิมๆไปตลอดกาล
ในปี 2017 นี้เทคโนโลยีต่างๆจำนวนมากจะเปลี่ยนจากที่อยู่เพียงแค่ในหนังหรือนิยายมาเป็นผลิตภัณฑ์ในโลกแห่งความเป็นจริง โดยหัวใจสำคัญของแนวโน้มเทคโนโลยีในปีนี้คือ “ปัญญาประดิษฐ์ (AI)” อย่างไรก็ตาม ยังมีเทคโนโลยีในรูปแบบอื่นๆอีก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ ในขณะที่แอพพลิเคชัน AI (เอไอ) ถูกฝังอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย เช่น วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ การเงิน โลจิสติกส์และการแพทย์ ได้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวของ AI ไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของเกือบทุกภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า ปัญญาประดิษฐ์ของทุกสรรพสิ่ง (AI of Everything (เอไอ ออฟ เอเวอรี่ติง) ) นั่นเอง
AI : (artificial intelligence) (เอไอ : อาร์ติฟิเชียล อินเทลริเจ้น) เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์หรือเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ Tom Morrod ผู้อำนวยการอาวุโสแห่ง HIS Markit กล่าวว่า พวกเขามีความสนใจในเรื่องของปัญญาประดิษฐ์และวิธีการนำมาใช้สำหรับผู้บริโภค เช่น วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มากขึ้น สำหรับการโฆษณาและในแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่นยานยนต์ที่ขับเคลื่อนได้เอง, โดรนและหุ่นยนต์ การออกแบบอย่างจริงจังและการปรับใช้เทคโนโลยีดูเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้น การใช้งานเชิงพาณิชย์จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นในปีนี้ ในการใช้งานของภาคอุตสาหกรรมและวิชาชีพต่างๆ เช่น การฟื้นฟูทางการแพทย์ ภาพยนตร์อินเทอร์แอกทีฟ การค้าปลีกและโลจิสติกส์ ในอุตสาหกรรมโลจิสติก กำลังจะถูกท้าทายจาก AI of Everything ทั้งนี้หาก AI+IoT+Cloud+Big data+Blockchain (เอไอ+ไอโอที+คลาวด์+บิ๊กเดต้า+บล็อคเชน) สามารถหลอมรวมกันเพื่อสร้างนวัตกรรมโลจิสติกส์รูปแบบ Startup (สตาร์ทอัพ) ใหม่ๆที่ทรงพลัง ก็อาจจะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์เดิมๆ ถูกท้าทายด้วยรูปแบบโลจิสติกส์ใหม่ ที่ Realtime (เรียลไทม์) กว่า, ต้นทุนต่ำกว่า, บริหารจัดการง่ายกว่า, ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีกว่า ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างมากในอนาคตอันใกล้เมื่อต้องเผชิญกับการเติบโตที่เกิดขึ้น การบริการคลาวด์ ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน มีการคาดว่าจะมีแนวโน้มไปสู่ Meta-cloud (เมต้า-คลาวด์) ที่กลุ่มคลาวด์หลายกลุ่มสามารถเข้าถึงได้จาก Single Web Interface (ซิงเกิ้ล เว็บ อินเตอร์เฟส) นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลในระดับ Big data (บิ๊กเดต้า) กำลังขยับเข้าใกล้ผู้ใช้ปลายทางมากขึ้น ซึ่งมีการเพิ่มความเร็วและแบนด์วิธที่มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบ IoT (ไอโอที) นับหมื่นล้านเครื่องในภายในปี 2020 ทำให้บริษัทต่างๆ ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้ Low-Power Wide-Area Network (โลว-พาวเวอร์ วาย-แอเรีย เน็ตเวิค) (LPWAN) (แอลพีดับเบิ้ลยูเอเอ็น) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานรุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กมากๆ ในการขับเคลื่อนสภาพแวดล้อมการเชื่อมต่อ IoT
IoT ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายที่น่าเชื่อถือ แม้แต่ในพื้นที่ห่างไกล และแม้แต่เมื่อมีพลังงานต่ำ โดยการถ่ายโอนข้อมูลก็จะยังสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าในปี 2017 จะเป็นปีแห่ง เทคโนโลยี LPWAN ที่รองรับผู้ดำเนินการด้านโทรคมนาคม ให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่น Low-bit-rate ได้ นั่นก็หมายความว่า สรรพสิ่งต่างๆ กำลังจะถูกเชื่อมต่อด้วยต้นทุนที่ต่ำมากนั่นเอง HS Markit คาด การณ์ว่า การใช้ LPWAN ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 46.4 ล้านหน่วยในปี 2017 เป็น 383 ล้านหน่วยภายในปี 2021 โดยตัวอย่างของประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ มาตรวัดในชนบท อาคารอัจฉริยะ และ เซ็นเซอร์ตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเทคโนโลยี Narrowband IoT (แนโรวแบน ไอโอที) (NB-IoT) (เอ็นบี-ไอโอที) และเครือข่าย LTE Cat-M (แอลทีอี ซีเอที-เอ็ม) ที่จะใช้งานในปี 2017 จะส่งผลให้มีการใช้ IoT ได้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้มาก่อน จึงทำให้ระบบโลจิสติกส์ในอนาคตมีความชาญฉลาด และบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น จนทำให้เกิด Startup ใหม่ๆได้ง่ายขึ้น นั่นเอง
จะเห็นได้ว่าการเติบโตของสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย ต้นทุนที่ต่ำลงและนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง กำลังมีผลอย่างมากต่อรูปแบบใหม่ของอุปกรณ์สมาร์ทโฟน นาฬิกาอัจฉริยะ ชุดหูฟัง VR (วีอาร์) แว่นตาอัจ ริยะ และหุ่นยนต์ต่างๆ ซึ่งจะปรากฏตัวสู่ตลาดโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว นั่นก็จะทำให้ AI of Everything เกิดความสมบูรณ์แบบและเป็นจริง จนทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้ การใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ เราจะมีการใช้ AI เข้ามาช่วยทำให้สามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก : www.techinasia.com