ในยุคสมัยปัจจุบัน หลายๆท่านต้องมีโอกาสเคยใช้งานเว็บไซต์สำหรับซื้อ - ขายของออนไลน์ ที่เป็นระบบ E-Commerce ที่ผู้ใช้งานสามารถที่จะ เลือก ลิสต์ อ่านรายละเอียด ได้ทั้งหมดผ่านหน้าจออุปกรณต่างๆของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็น PC, Labtop หรือ Smartphone ก็ตาม เปรียมเสมือนเป็น catalog ขายสินค้า ที่เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานแบบครอบคลุม รวมถึงการจัดส่งถึงที่ โดยที่ผู้ใช้งานนั้นไม่ต้องออกจากบ้านเลยก็ว่าได้ โดยในวันนี้เรามีสุดยอดตัวสร้างเว็บไซต์ E-Commerce สำเร็จรูป ที่ทำงานผ่าน CMS อย่าง MooZiiCart บนระบบ Joomla กับ Woocommerce บนระบบ WordPress

ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง
ก่อนที่เราจะไปเข้าเนื้อหาหลัก ผมขออนุญาตแจ้งผู้อ่านหลายๆท่านให้ทราบ ถึงการปรับแต่งที่อิสระ และ ยืดหยุ่นของทั้ง MooZiiCart และ WooCommerce ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งรูปแบบ สี UI ตำแหน่ง รูปภาพ ทั้งหมดได้ด้วยตนเอง ขึ้นอยู่กับ Idea และ คอนเซปต์ของแต่ละท่าน โดยเนื้อหาทั้งหมดในบทความต่อไปนี้ จะเป็นการตั้งค่ามาตรฐารที่มีมากับตัว Extension MooZiiCart และ WooCommerce เลย ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม โดยทั้งนี้ ผู้อ่านสามารถดูเป็นแนวทางสำหรับรูปแบบต่างๆที่เป็นมาตรฐานเดิมของทั้ง 2 Extensions และ นำไปปรับใช้ ให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ใช้งานได้นั้นเอง
โดยในภาพประกอบที่นำมาแสดงในบทความนี้ เป็นการตั้งค่าพื้นฐานของทั้ง 2 ระบบ ผู้ใช้งานสามารถหาดาวน์โหลด Template และ รูปแบบต่างๆเองเพิ่มเติมได้
เรามาเริ่มดูในส่วนของการเปรียบเทียบทั้ง MooZiiCart และ WooCommerce กันเลยครับว่ามีความแตกต่าง หรือ เหมือนกันอย่างไรบ้าง ส่วนไหนบ้าง
หน้าต่าง UI
หากพูดกันถึงเรื่องของการใช้งานแล้วหล่ะก็ สิ่งแรกที่เป็นทั้งหน้าตา และ การใช้งานควบคู่กันไป ก็คงหนีไม่พ้น UI (User Interface) ที่จะเป็นหน้าตาโดยรวมของระบบ ทั้งในส่วนของผู้ใช้งานเอง(หน้าบ้าน) หรือ ผู้พัฒนาเอง(หลังบ้าน) ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อการใช้งาน และ ทั้ง MooZiiCart และ WooCommerce สามารถที่จะปรับแต่งหน้าต่าง UI ได้อย่างอิสระ และ เป็น Theme หรือ Template ให้เลือกใช้มากมาย
MooZiiCart
หน้าตาฝั่งผู้ใช้งาน (หน้าบ้าน)

ทางฝั่งของ MooZiiCart ในหน้ารายการสินค้า จะแสดงรายละเอียดในส่วนของ ชื่อสินค้า รูปภาพสินค้า เรตสินค้า คอมเม้น และ ราคา ที่ค่อนข้างมีความชัดเจนในส่วนของรายละเอียดที่สำคัญสำหรับการเลือกดูสินค้าแบบ เลื่อนผ่าน
หน้าตาฝั่งผู้พัฒนา (หลังบ้าน)

ทางฝั่งหลังบ้านของ MooZiiCart จะมี UI ที่ค่อนข้างชัดเจน และบ่งบอกถึงหน้าต่างๆในการเข้าใช้งาน รวบรวมถึงเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการปรับแต่งเว็บไซต์มายังหน้าแรก เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ได้สะดวก
WooCommerce
หน้าตาฝั่งผู้ใช้งาน (หน้าบ้าน)

ทางฝั่งของ WooCommerce ในหน้ารายการสินค้า จะเน้นความ Minimal และขยายสัดส่วนของรูปภาพสินค้าให้ใหญ่กว่ารายละเอียดส่วนอื่น
หน้าตาฝั่งผู้พัฒนา (หลังบ้าน)

ทางฝั่งหลังบ้านของ WooCommerce จะเน้นไปที่การ Settings รวมถึงการกำหนดสถานะร้านค้าต่างๆ และการแนะนำการตั้งค่าระบบเป็นส่วนใหญ่ โดยเมนูตั้งค่า เครื่องมือต่างๆ จะอยู่ทางแถบด้านซ้ายมือ
การเพิ่มรายการสินค้า
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของเว็บไซต์ E-Commerce เลยก็ว่าได้นะครับ สำหรับการลงสินค้า โดยรายละเอียดของทั้ง MooZiiCart และ WooCommerce นั้น ก็ครอบคลุมการลงเนื้อหาของสินค้าแต่ละตัวทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น
- ชื่อสินค้า
- ราคาสินค้า
- ส่วนลดสินค้า
- รายละเอียดสินค้า
- ภาพสินค้า
- Keyword ของสินค้า
- หมวดหมู่ของสินค้า
- และอื่นๆ
การเพิ่มรายการสินค้า ของ MooZiiCart




ในส่วนของการเพิ่มสินค้าบน MooZiiCart นั้น ครอบคลุมในทุกส่วน รวมถึง META Tag และ Keyword ที่เป็นส่วนสำคัญสำหรับตัว SEO เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้ใช้งานได้เข้ามาเห็นสินค้าของเราจากภายนอกด้วยนั้นเอง
การเพิ่มรายการสินค้า ของ WooCommerce




การเพิ่มรายการสินค้าบนระบบ WooCommerce นั้นจะเป็นแบบหน้าเพจเดียว และเน้นการซ่อนเครื่องมือในรูปแบบของ Dropdown โดยการตั้งค่าต่างๆก็ครอบคลุมในส่วนของการปรับแต่งสถานะ หรือ รายละเอียดของสินค้าเช่นกัน
การสั่งซื้อสินค้า และ การจัดการ Orders
MooZiiCart
- เลือกรายการสินค้าที่ต้องการซื้อ
เลือกรายการสินค้าที่ต้องการซื้อ - เพิ่มเข้าลิสต์ หรือ สั่งซื้อเลย
เพิ่มเข้าลิสต์ หรือ สั่งซื้อเลย - รายละเอียดสินค้า จำนวน
รายละเอียดสินค้า จำนวน - ข้อมูลของลูกค้า ที่อยู่ ชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์
ข้อมูลของลูกค้า - รูปแบบการชำระเงิน
รูปแบบการชำระเงิน - รูปแบบการจัดส่ง
รูปแบบการจัดส่ง - สรุปรายละเอียดการสั่งซื้อ
สรุปรายละเอียดการสั่งซื้อ - ข้อมูลขึ้นที่หน้าระบบหลังบ้านว่ามี Order เข้ามา
รายการคำสั่งซื้อในหน้าหลังบ้าน - อัปเดตสถานะการสั่งซื้อ
อัปเดตสถานะคำสั่งซื้อ
วิธีการสั่งซื้อบน MooZiiCart จะเน้นในส่วนของความเข้าใจง่าย และ ใช้งานง่าย รวมถึงความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนข้อมูล กรณีข้อมูลของผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้ง การส่งข้อมูลไปยังหลังบ้านก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และส่วนสรุปของการสั่งซื้อที่ค่อนข้างชัดเจน ในกรณีที่มีการ Orders หลายๆรายการ
WooCommerce
- เลือกรายการสินค้าที่ต้องการซื้อ
เลือกรายการสินค้าที่ต้องการซื้อ - สินค้าจะเข้าไปยังตะกร้า
รายการสินค้าเข้าตะกร้า - ระบุรายละเอียดของผู้ใช้งาน รวมถึงรายละเอียดคำสั่งซื้อและ เลือกขั้นตอนการชำระเงินในหน้าเดียวกัน
ระบุรายละเอียดการสั่งซื้อ ข้อมูลส่วนตัว, รายละเอียดสินค้า, วิธีการชำระเงิน - หลังจากกด Place Order แล้ว ระบบจะแจ้งรายละเอียดการสั่งซื้อให้ผู้ใช้งาน
ระบบจะแจ้งรายละเอียดการสั่งซื้อให้ผู้ใช้งาน - ที่หลังบ้านในหน้า Orders จะมีรายการคำสั่งซื้อเข้ามา
รายการ Order ที่เข้ามาในระบบ - สามารถปรับสถานะคำสั่งซื้อได้
ปรับเปลี่ยนสถานะ Order หลังเสร็จสิ้น
WooCommerce จะเน้นไปที่ความรวดเร็วในการสั่งซื้อสินค้า อ้างอิงจากการที่รวบรวมรายละเอียดในหลายๆส่วนไว้ในหน้าเดียว รวมถึง Default Settings จะมีในส่วนของ คูปองส่วนลดมาให้ กรณีหากมีการใช้งาน
ทั้ง 2 ตัวจะมีความแตกต่างกันที่เห็นได้ชัดจะเป็นเรื่องของจำนวนหน้าเพจที่ผู้ใช้งานต้องเจอ ก่อนที่การสั่งซื้อจะสำเร็จ แต่ส่วนหลักๆของการสั่งซื้อสินค้าเองนั้น ก็ครอบคลุมทั้ง 2 ตัวอยู่แล้ว โดย เป็นการตั้งค่าพื้นฐานของทั้ง 2 ระบบ ผู้ใช้งานสามารถหาดาวน์โหลด Template และ รูปแบบต่างๆเองเพิ่มเติมได้
การ Import รายการสินค้า
ส่วนสุดท้ายของเราในวันนี้ ก็คือเรื่องของการ Import รายการสินค้าลงในระบบทั้ง 2 ตัว เนื่องจากเจ้าของร้านค้า อาจจัดเตรียมข้อมูลไว้เป็นไฟล์ .CSV หรือ Excel เป็นหลายหมื่นรายการ ซึ่งการที่จะ Import รายการสินค้าหลัก หมื่นรายการนั้น ทั้ง 2 ตัวสามารถทำได้ดีเหมือนกัน ข้อมูล รายละเอียดไม่ตกหล่น แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยจะเป็นเรื่องของ Performance ในการ Import ข้อมูล โดยทางเราได้มีบทความเรื่องการ Import ข้อมูลของทั้ง 2 ตัวไว้อยู่แล้ว


โดย ความเร็วในการ Import รายการสินค้าของทั้ง 2 ตัวนั้นจะค่อนข้างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยข้อมูลที่เราได้ทำการทดสอบ Import ทั้ง 2 ตัวอยู่ที่
- MooZiiCart รายการสินค้า 11,028 รายการ ความเร็วในการ Import อยู่ที่ ประมาณ 4 นาที
- WooCommerce รายการสินค้า 11,652 รายการ ความเร็วในการ Import อยู่ที่ ประมาณ 20 นาที+++
จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ตัวที่ทำการทดสอบ มีจำนวนข้อมูลต่างกันที่ 624 รายการ แต่ความเร็วในการ Import ข้อมูลต่างกันประมาณ 5 เท่าของค่าต่ำสุดเลยทีเดียว ซึ่ง ณ ตรงนี้ ของแต่ละท่านอาจมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเร็วในการประมวลผลอีกด้วย
รูปแบบการใช้งาน และ การตั้งค่าของทั้ง WooCommerce และ MooZiiCart นั้น จะมีรูปแบบการใช้งานที่ใกล้เคียงกัน และไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักในด้านการใช้งาน แต่ทางด้าน UI ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน จากเนื้อหาบทความจะเห็นได้ว่า MooZiiCart จะเน้นไปในส่วนของรายละเอียดการใช้งานที่ชัดเจน สามารถเข้าใจได้ว่าสัดส่วนตรงนี้ ใช้งานกับฟังก์ชันใด และในส่วนของ WooCommerce จะเน้นในเรื่องของหน้าเพจ 1 หน้าเพจที่ครอบคลุมการใช้งานมากกว่า ในด้านของสินค้า และ รูปแบบการชำระเงินนั้น โดยมาตรฐานจะเหมือนกันอยู่แล้ว และผู้พัฒนาสามารถที่จะปรับแต่งเนื้อหาในส่วนต่างๆ อย่างอิสระ โดยผมขออนุญาตแจ้งอีกครั้งว่า เนื้อหาและภาพประกอบที่นำมาแสดงในบทความนี้ เป็นการตั้งค่าพื้นฐานของทั้ง 2 ระบบ ผู้ใช้งานสามารถหาดาวน์โหลด Template และ รูปแบบต่างๆเองเพิ่มเติมได้ รวมถึงทางเราก็มีบทความที่เกี่ยวข้องกับตัวระบบ WooCommerce และ MooZiiCart ไว้แล้วอย่างเช่น แนะนำการติดตั้ง Woocommerce และ แนะนำการติดตั้ง MooZiiCart และเนื้อหาอื่นๆอีกมากมายในคู่มือ