ขุด Bitcoin คืออะไร
ในช่วงเวลาที่ราคา Bitcoin (บิทคอยน์) เพิ่มขึ้นสูงแบบนี้ ผู้สนใจในการเข้ามาสร้างกำไรจาก Bitcoin (บิทคอยน์) ก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น วิธีหนึ่งที่ดูจะเป็นที่น่าจับตามองและเป็นที่นิยมมากที่สุด คือ “ขุด” (Mining) ซึ่งสังเกตได้จากราคาการ์ดจอที่สูงขึ้น และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขุดตอนนี้แทบจะหมดเกลี้ยงไปจากตลาดแทบทุกที่ในโลกแล้ว แม้แต่ในประเทศไทยเองก็เริ่มหายากแล้ว และในบทความนี้เราจะมาตีแผ่ และให้ข้อมูลว่า “ขุด” (Mining) คืออะไรมันทำงานยังไง
ขุด (Mining) คือ การแก้โจทย์ทางคณิตศาสตร์ที่ถูกคิดค้นมาโดยระบบ Blockchain (บล็อคเชน) โดยนักขุดจะได้รางวัลตอบแทนเป็นเหรียญ Bitcoin (บิทคอยน์) โดยความยากของสมการถูกตั้งไว้โดยผู้คุมกฏ Bitcoin (บิทคอยน์) เพื่อไม่ให้คนขุดได้เงินไปง่ายๆ อีกทั้งยังเป็นการดึงดูดให้คนมาลงทุนกับการขุดเนื่องจากการขุดนั้นถือเป็นหัวใจหลักสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนให้ระบบ Blockchain (บล็อคเชน) เดินหน้าไปได้ การจะแก้สมการพวกนี้ได้ จำเป็นต้องใช้การประมวลผลของคอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วย การขุดเหรียญแต่ละเหรียญจะใช้ Algorithm (อัลกอริทึม) ไม่เหมือนกัน Algorithm (อัลกอริทึม) คือ วิธีการแก้โจทย์ของนักขุด อยู่ที่ว่าผู้สร้างของเหรียญนั้นอยากให้ใช้ Algorithm (อัลกอริทึม) อะไร และแต่ละ Algorithm (อัลกอริทึม) ก็เหมาะสำหรับเครื่องมือขุดที่แตกต่างกัน ใช้อะไรขุดได้บ้าง
- CPU (ซีพียู) (Central Processing Unit) (เซ็นทรัล โปรเซสซิ่ง ยูนิต) หน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์ ปกติเราเอาไว้คิดและคำนวณสิ่งพื้นฐานๆต่างๆเวลาเราเล่นคอมพิวเตอร์ แต่ก็สามารถนำมาแก้สมการแต่ละบล็อกของ Bitcoin (บิทคอยน์) และเหรียญอื่นๆได้ แต่จะช้า เพราะ CPU (ซีพียู) ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้โจทย์ที่ใหญ่และใช้เวลานานซึ่ง Algorithm (อัลกอริทึม) ของ CPU (ซีพียู) ที่นิยมใช้ขุดกันคือ CryptoNight (คริปโตรไนท์) สามารถนำไปขุดเหรียญชื่อ Monero (โมเนโร) ได้
- GPU (จีพียู) (Graphical Processing Unit) (กราฟฟิเคิล โปรเซสซิ่ง ยูนิต) หรือที่หลายคนเรียกว่าการ์ดจอ หลายคนอาจจะสงสัยว่า การ์ดจอมันไว้เล่นเกมส์ เอามาขุดได้ไง ถ้าเราแงะการ์ดจอออกมา เราจะเห็นว่ามันคือ CPU (ซีพียู) จำนวนมากมาวางต่อๆกัน เนื่องจากการที่จะประมวลภาพกราฟฟิคสวยๆนั้น ไม่ได้ยาก แต่ใช้ทรัพยากรในการคำนวณ CPU (ซีพียู) อันเดียวไม่เพียงพอที่จะสร้างภาพออกมาได้ทันใจ เขาจึงคิดค้นเอา CPU (ซีพียู) มาต่อๆกัน แต่ละอันทำงานร่วมกันโดยแบ่งหน้าที่การประมวลผลออกไปเท่าๆกัน เหมือนมีคนมาช่วยงานเพิ่ม ซึ่ง GPU (จีพียู) เป็นที่นิยมมากเพราะสามารถขุดได้หลาย Algorithm (อัลกอริทึม)
GPU (จีพียู) จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการขุดไม่ใช่แค่การประมวลภาพกราฟฟิคอย่างเดียว เพราะโจทย์สมการที่ต้องแก้นั้น มักจะเป็นโจทย์ที่ต้องใช้เวลาในการคำนวณแบบนานๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร - ASIC (เอซิค) (Application Specific Integrated Circuit) (แอปพลิเคชั่น สปิซิไฟ อินทิเกรดเต็ด เซอร์กิต) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหน้าที่พิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง ในที่นี้คือการสร้างขึ้นมาเพื่อขุดอย่างเดียว สำหรับ GPU (จีพียู) อาจจะทำได้หลาย Algorithm (อัลกอริทึม) และอาจจะทำได้ดีที่สุดที่ Algorithm (อัลกอริทึม) สักสองสามตัว แต่สำหรับเจ้า ASIC (เอซิค) มันจะทำหน้าที่ได้ดีสุดๆใน Algorithm (อัลกอริทึม) ตัวเดียว กำลังการขุดของ ASIC (เอซิค) นั้นจะสูงกว่า GPU (จีพียู) และ CPU (ซีพียู) มาก แต่ก็มาด้วยราคาที่สูงขึ้น ข้อเสียคือ มันสร้างมาเพื่อขุดเท่านั้น ถ้าวันหนึ่งคุณเลิกขุด เครื่องนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ อีกทั้งความสามารถในการนำไปขายต่อนั้นแทบไม่มี แต่สำหรับ GPU (จีพียู) หรือ CPU (ซีพียู) ก็อาจจะเอาไปใช้งานต่อได้ อีกข้อเสียหนึ่งของ ASIC Miner (เอซิคไมเนอร์) คือจะมีเสียงที่ดังมาก เพราะ ASIC Miner (เอซิคไมเนอร์) ทำงานหนักมาก พัดลมจึงจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้เครื่องเย็นลง
สรุปแล้วการขุดบิทคอยน์ก็คือให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานแทนเรา สามารถทำเงินให้กับเราได้โดยแลกมากับค่าไฟซึ่งก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยดังนั้นผู้ที่ต้องการจะลงทุนในการขุด Bitcoin (บิทคอยน์) ควรศึกษาหาความรู้ให้ดีก่อนทำการลงทุน