แปลและเรียบเรียงโดย : ฉัตรชัย จันทร์อินทร์
เทพฤทธิ์ บัณฑิตวัฒนาวงศ์
เผยแพร่เมื่อ : ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
เทพฤทธิ์ บัณฑิตวัฒนาวงศ์
เผยแพร่เมื่อ : ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
IETF ใช้เวลากว่าสามปีในการพัฒนาจนได้โพรโตคอล IPng (IP Next Generation) โดยมีความเป็นมาโดยสังเขปดังนี้
ช่วงปลายปี 1992 มีการยื่นข้อเสนอในการพัฒนาโพรโตคอลดังกล่าวทั้งหมด 4 ฉบับ อันได้แก่ CNAT, IP Encaps, Nimrod และ
Simple CLNP ต่อมาในเดือนธันวาคมปี 1992 มีการส่งข้อเสนอเพิ่มอีก 3 ฉบับคือ The P Internet Protocol (PIP), The Simple
Internet Protocol (SIP) และ TP/IX หลังจากนั้นฤดูใบไม้ผลิในปี 1992 ข้อเสนอที่ชื่อว่า Simple CLNP ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น TCP
and UDP with Bigger Addresses (TUBA) และ IP Encaps เปลี่ยนเป็น IP Address Encapsulation (IPAE)
ในปี 1993 IPAE ได้รวมเข้ากับ SIP โดยยังคงใช้ชื่อว่า SIP ซึ่งต่อมากลุ่มนี้ได้รวมกับกลุ่ม PIP กลายเป็นคณะทำงานที่เรียกตัวเอง
ว่า Simple Internet Protocol Plus (SIPP) โดยในเวลาเดียวกันนั้นกลุ่มคณะทำงาน TP/IX ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Common
Architecture for the Internet (CATNIP)
กล่าวได้ว่า ณ เวลานั้น มีข้อเสนอ 3 ชุดที่ถูกนำมาทำการคัดเลือกตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเอกสาร RFC1726 อันได้แก่ CATNIP,
TUBA และ SIPP โดยสาระสำคัญในแต่ละข้อเสนอมีดังต่อไปนี้
1. CATNIP (Common Architecture for Next Generation Internet Protocol) ได้ทำการสร้างความเป็นสามัญระหว่าง
Internet (IPv4, TCP, UDP), OSI (CLNP, TP4, CLTP) และโพรโตคอล Novell (IPX, SPX)
2. TUBA (TCP and UDP with Bigger Addresses) ได้แทนที่เน็ตเวิร์คเลเยอร์ด้วย ISO's CNLP ซึ่งประกอบไปด้วยชุด
หมายเลขแอดเดรสที่มีขนาดใหญ่กว่าในขณะที่ TCP/UDP สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องทำการปรับปรุง ทั้งยังทำงานร่วมกับ IDRP,
IS-IS และ ES-IS ได้
3. SIPP (Simple Internet Protocol Plus) ได้นำคุณลักษณะบางอย่างใน IPv4 ที่คิดว่าไม่เหมาะสมออก และทำการปรับปรุงส่วน
หัวของโพรโตคอลเสียใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำการเพิ่มขนาดของแอดเดรสจากเดิม 32 บิตเป็น 64 บิต (ซึ่งต่อมาได้พัฒ
นาเป็นรุ่น 128 บิต)
ในเดือนกรกฎาคม 1994 กุล่มผู้บริหารโครงการ IPng Area (คณะทำงานที่ถูกแต่งตั้งโดย Internet Engineering Task Force,
IETF ในปี 1993 เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินเลือกสรรข้อเสนอ IPng) ได้สรุปผลการประเมินทั้งสามข้อเสนอรวมถึงคำแนะนำ และ
แนวทางในการพัฒนา IPv6 อย่างเป็นทางการไว้ในเอกสาร RFC 1752 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
และในช่วงกลางปี 1994 เช่นกัน IPng ได้รับการกำหนดหมายเลขรุ่นโดยหน่วยงาน Internet Assigned Numbers Authority
(IANA) ให้เป็นรุ่นที่ 6 อันเป็นที่มาของ IPv6
ต่อมาเอกสาร RFC1752 ชุดนี้ได้ถูกยอมรับและดำเนินการต่อโดยคณะทำงานภายใต้ IETF ที่ชื่อว่า Internet Engineering
Steering Group (IESG) ในที่สุด
ช่วงปลายปี 1992 มีการยื่นข้อเสนอในการพัฒนาโพรโตคอลดังกล่าวทั้งหมด 4 ฉบับ อันได้แก่ CNAT, IP Encaps, Nimrod และ
Simple CLNP ต่อมาในเดือนธันวาคมปี 1992 มีการส่งข้อเสนอเพิ่มอีก 3 ฉบับคือ The P Internet Protocol (PIP), The Simple
Internet Protocol (SIP) และ TP/IX หลังจากนั้นฤดูใบไม้ผลิในปี 1992 ข้อเสนอที่ชื่อว่า Simple CLNP ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น TCP
and UDP with Bigger Addresses (TUBA) และ IP Encaps เปลี่ยนเป็น IP Address Encapsulation (IPAE)
ในปี 1993 IPAE ได้รวมเข้ากับ SIP โดยยังคงใช้ชื่อว่า SIP ซึ่งต่อมากลุ่มนี้ได้รวมกับกลุ่ม PIP กลายเป็นคณะทำงานที่เรียกตัวเอง
ว่า Simple Internet Protocol Plus (SIPP) โดยในเวลาเดียวกันนั้นกลุ่มคณะทำงาน TP/IX ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Common
Architecture for the Internet (CATNIP)
กล่าวได้ว่า ณ เวลานั้น มีข้อเสนอ 3 ชุดที่ถูกนำมาทำการคัดเลือกตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเอกสาร RFC1726 อันได้แก่ CATNIP,
TUBA และ SIPP โดยสาระสำคัญในแต่ละข้อเสนอมีดังต่อไปนี้
1. CATNIP (Common Architecture for Next Generation Internet Protocol) ได้ทำการสร้างความเป็นสามัญระหว่าง
Internet (IPv4, TCP, UDP), OSI (CLNP, TP4, CLTP) และโพรโตคอล Novell (IPX, SPX)
2. TUBA (TCP and UDP with Bigger Addresses) ได้แทนที่เน็ตเวิร์คเลเยอร์ด้วย ISO's CNLP ซึ่งประกอบไปด้วยชุด
หมายเลขแอดเดรสที่มีขนาดใหญ่กว่าในขณะที่ TCP/UDP สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องทำการปรับปรุง ทั้งยังทำงานร่วมกับ IDRP,
IS-IS และ ES-IS ได้
3. SIPP (Simple Internet Protocol Plus) ได้นำคุณลักษณะบางอย่างใน IPv4 ที่คิดว่าไม่เหมาะสมออก และทำการปรับปรุงส่วน
หัวของโพรโตคอลเสียใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำการเพิ่มขนาดของแอดเดรสจากเดิม 32 บิตเป็น 64 บิต (ซึ่งต่อมาได้พัฒ
นาเป็นรุ่น 128 บิต)
ในเดือนกรกฎาคม 1994 กุล่มผู้บริหารโครงการ IPng Area (คณะทำงานที่ถูกแต่งตั้งโดย Internet Engineering Task Force,
IETF ในปี 1993 เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินเลือกสรรข้อเสนอ IPng) ได้สรุปผลการประเมินทั้งสามข้อเสนอรวมถึงคำแนะนำ และ
แนวทางในการพัฒนา IPv6 อย่างเป็นทางการไว้ในเอกสาร RFC 1752 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
IPng IPv6 ภายใต้สภาพแวดล้อมของ non-IPv6 |
และในช่วงกลางปี 1994 เช่นกัน IPng ได้รับการกำหนดหมายเลขรุ่นโดยหน่วยงาน Internet Assigned Numbers Authority
(IANA) ให้เป็นรุ่นที่ 6 อันเป็นที่มาของ IPv6
ต่อมาเอกสาร RFC1752 ชุดนี้ได้ถูกยอมรับและดำเนินการต่อโดยคณะทำงานภายใต้ IETF ที่ชื่อว่า Internet Engineering
Steering Group (IESG) ในที่สุด
1. M. McGovern, R. Ullmann, "CATNIP: Common Architecture for the Internet", RFC1707, October 1994
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1707.txt?number=1707]
2. Ross Callon, "TCP and UDP with Bigger Addresses (TUBA), A Simple Proposal for Internet Addressing and
Routing", RFC1347, June 1992
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1347.txt?number=1347]
3. R. Hinden, "Simple Internet Protocol Plus White Paper", RFC 1710, October 1994
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1710.txt?number=1710]
4.Robert M. Hinden, "IP Next Generation Overview", 14 May 1995
[URL : http://playground.sun.com/ipv6/INET-IPng-Paper.html#CH3]
5. S. Bradner, A. Mankin, "The Recommendation for the IP Next Generation Protocol", RFC1752, January 1995
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1752.txt?number=1752]
6. C. Partridge, F. Kastenholz, "Technical Criteria for Choosing IP The Next Generation (IPng)",December 1994
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1726.txt?number=1726]
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาดูแหล่งข้อมูลอ้างอิง
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1707.txt?number=1707]
2. Ross Callon, "TCP and UDP with Bigger Addresses (TUBA), A Simple Proposal for Internet Addressing and
Routing", RFC1347, June 1992
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1347.txt?number=1347]
3. R. Hinden, "Simple Internet Protocol Plus White Paper", RFC 1710, October 1994
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1710.txt?number=1710]
4.Robert M. Hinden, "IP Next Generation Overview", 14 May 1995
[URL : http://playground.sun.com/ipv6/INET-IPng-Paper.html#CH3]
5. S. Bradner, A. Mankin, "The Recommendation for the IP Next Generation Protocol", RFC1752, January 1995
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1752.txt?number=1752]
6. C. Partridge, F. Kastenholz, "Technical Criteria for Choosing IP The Next Generation (IPng)",December 1994
[URL : http://www.ietf.org/rfc/rfc1726.txt?number=1726]
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาดูแหล่งข้อมูลอ้างอิง
ที่มา:nectec.or.th