OOP คืออะไร
OOP (Object-Oriented Programing) หรือการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ เป็นการเขียนโปรแกรมที่แตกต่างจากการเขียนโปรแกรมแบบธรรมดา
(แบบโครงสร้าง: Structure Programing) เป็นการเขียนโปรแกรมที่มองสิ่งต่างๆของโปรแกรมเป็นวัตถุ โปรแกรมเชิงวัตถุ สร้างมาจากกลุ่มของออบเจ็กต์ หรือวัตถุ ซึ่งแต่ละออบเจ็กต์จะบรรจุ Attribute(*1) และ Operation(*2) ภาย
ในตัวออกเจ็กต์เอง และแต่ละ Object จะเชื่อมต่อการทำงานเข้าด้วยกัน
(*1)Attribute คือ คุณสมบัติหรือตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับ Object
(*2)Operation คือ การกระทำหรือฟังก์ชันที่ Object สามารถการทำปรับเปลี่ยนตัวมันอง หรือแสดงผลออกมาภายนอกได้
(*1)Attribute คือ คุณสมบัติหรือตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับ Object
(*2)Operation คือ การกระทำหรือฟังก์ชันที่ Object สามารถการทำปรับเปลี่ยนตัวมันอง หรือแสดงผลออกมาภายนอกได้
ประโยชน์ของการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุคือ
1. การจัดรูปแบบโค้ดเป็นระบบระเบียบ ทำให้ง่ายต่อการพัฒนา และแก้ไขในภายหลัง
2.มีการป้องกันของข้อมูล เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้อย่างผิดๆ ดังนั้นหากต้องการนำข้อมูลภายใน Object ไปใช้
3.การนำไปใช้สามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งวุ่นวาย และสามารถนำไปใช้ซ้ำได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่
1. การจัดรูปแบบโค้ดเป็นระบบระเบียบ ทำให้ง่ายต่อการพัฒนา และแก้ไขในภายหลัง
2.มีการป้องกันของข้อมูล เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้อย่างผิดๆ ดังนั้นหากต้องการนำข้อมูลภายใน Object ไปใช้
3.การนำไปใช้สามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งวุ่นวาย และสามารถนำไปใช้ซ้ำได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่
Class คือ เค้าโครงที่ใช้กำหนดลักษณะของออบเจ็กต์ และใช้แทนกลุ่มของออบเจ็กต์ แต่ละคลาส(Class) ประกอบไปด้วย
Operation เดียวกันกระทำในทิศทางเดียวกัน และ Attribute เดียวกันในการแทนสิ่งเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ คิดเป็น Class ของ Object ที่ใช้อธิบายคุณลักษณะต่างๆ เปรียบได้กับ Attribute เช่น กลไกในการ
ยกตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ คิดเป็น Class ของ Object ที่ใช้อธิบายคุณลักษณะต่างๆ เปรียบได้กับ Attribute เช่น กลไกในการ
เคลื่อนที่ หน่วยความจำ และการกระทำต่างๆของหุ่นยนต์เปรียบได้กับ Operation เช่นการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์
ในบทต่อไปจะพูดถึงเรื่อง Object-Oriented PHP