ในภาษาPython (ไพทอน) มีข้อมูลอยู่หลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ตัวเลข, ข้อมูลแบบเรียงลำดับ, การจับคู่, โมดูล, คลาส, อินแสตนซ์คลาส และ ไฟล์ ซึ่งในชนิดของข้อมูลเหล่านี้ก็จะมีแยกย่อยเข้าไปอีก อย่างเช่น Boolean, Integer, Float, String, Unicode, Module, Class และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในการจัดการกับข้อมูลข้อมูลเหล่านี้ก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันออก โดยในแต่ละวิธีก็จะมีฟังก์ชันที่ต่างกันออกไปเช่นกัน แต่จะมีการใช้โอเปอเรเตอร์ที่เหมือนๆกัน ซึ่งก็จะมีข้อกำหนดในแต่ละการใช้งานของฟังก์ชันนั้นๆ และในบทความนี้เราก็จะมาพูดถึงการจัดการกับข้อมูลชนิด String (สตริง) ในภาษาไพทอนกัน
String (สตริง) คือ ชุดของตัวอักษร เป็นการนำตัวอักษรหลายๆ ตัวมาต่อกันหรือเรียกว่าอาเรย์ของตัวอักษร เช่น 'm','i','n','d','p','h','p' เก็บไว้ในข้อมูลอาเรย์ และรวมเป็นข้อมูลชนิดสตริง ซึ่งจะได้ข้อความ 'mindphp'
การจัดการสตริงด้วยโอเปอเรเตอร์และฟังก์ชัน
เราสามารถนำโอเปอเรเตอร์บางชนิดทั้งทางคณิตศาสตร์และบูลีน รวมถึงฟังก์ชันแบบ Built-in มาใช้กับสตริงได้ ซึ่งจะมีดังนี้
String1 + String2 | เชื่อมต่อสตริงเข้าด้วยกัน |
String * n | คัดลอกสตริงเป็นจำนวน n ครั้ง |
x in String | ทำการตรวจสอบว่ามี x ใน String |
x not in String | ทำการตรวจสอบว่าไม่มี x ใน String |
String1 == String2 , String1 != String2 |
เปรียบเทียบว่าสตริงเท่ากันหรือไม่ |
String[start:stop] | คัดลอกตัวอักษรเริ่มตั้งแต่ลำดับ start ไปจนถึง ก่อน stop |
len(String) | ใช้นับจำนวนหรือความยาวของตัวอักษร |
ตัวอย่างการใช้งาน in , not in
string = 'mindphp.com'
x = 'mind' in string #ตรวจสอบว่ามี mind ใน string
y = 'MIND' in string #ตรวจสอบว่ามี MIND ใน string
z = 'php' not in string #ตรวจสอบว่าไม่มี php ใน string
ผลลัพธ์
จากผลลัพธ์ที่ออกมา จะเห็นได้ว่าค่า x หรือที่เรากำหนดให้หา mind จะเป็น True เพราะมีคำอยู่ในสตริง ส่วนค่า y ที่ออกมาเป็น False เพราะว่ารูปแบบตัวพิมพ์ไม่ตรงกัน ส่วนค่า z เป็น False เพราะมีคำว่า php อยู่ในสตริงนั่นเอง
ตัวอย่างการใช้งาน len()
string = 'mindphp.com'
print(len(string))
string = 'mind\tphp\n.com'
print(len(string))
ผลลัพธ์
จากผลลัพธ์ที่ออกมาจะเห็นได้ว่ามีจำนวนที่ต่างกัน ซึ่งฟังก์ชัน len() สำหรับอักขระประเภทที่เรากำหนดด้วย \ เช่น \n \t หรือช่องว่าง ก็จะถูกนับเป็นอักขระ 1 ตัว ซึ่งในกรณีที่สตริงเป็นภาษาไทย โปรแกรมก็จะนับสระและวรรณยุกต์เป็นอักขระ 1 ตัวด้วยเช่นกัน
เพียงเท่านี้เราก็พอจะทราบแนวทางการจัดการสตริงด้วยโอเปอเรเตอร์และฟังก์ชันแล้ว หากเราว่านำไปประยุกต์ใช้งานจะต้องเป็นประโยชน์ต่อการเขียนโปรแกรมของเราอย่างแน่นอน และในบทความต่อไปเราจะมาพูดถึงการจัดรูปแบบของสตริงกัน
ช่องทางการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยว : Python
ประวัติความเป็นมาของ ภาษา Python ไพทอน
ตัวดำเนินการใน Python operator
การเรียกใช้งานฟังก์ชั่น ในไพทอน แบบ Object สอน Python