การแยกและตัดช่องว่างในสตริงออกเมื่อแสดงผลลัพธ์ มันจะช่วยเราในการจัดการกับข้อมูลได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในภาษา C++ (ซีพลัสพลัส), C# (ซีชาร์ป) หรือโปรแกรมที่พัฒนามากจากภาษาซี (C Programming Language) ใช้สำหรับเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างภาษา Python (ไพทอน) ซึ่งนอกจากมันจะช่วยจัดการกับข้อมูลสตริงในการแสดงผลลัพธ์แล้ว ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยนำข้อมูลชนิดลิสต์และทูเพิลมาเชื่อมเป็นสตริงเดียวกันอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการแยกและตัดช่องว่างในสตริง รวมไปถึงฟังก์ชันที่ช่วยในการนำข้อมูลชนิดลิสต์และทูเพิลมาเชื่อมเป็นสตริงเดียวในภาษาไพทอนกัน
String (สตริง) คือ ชุดของตัวอักษร เป็นการนำตัวอักษรหลายๆ ตัวมาต่อกันหรือเรียกว่าอาเรย์ของตัวอักษร เช่น 'm','i','n','d','p','h','p' เก็บไว้ในข้อมูลอาเรย์ และรวมเป็นข้อมูลชนิดสตริง ซึ่งจะได้ข้อความ 'mindphp'
การแยกและตัดช่องว่างในสตริง
ฟังก์ชันในกลุ่มการตัดช่องว่างในสตริง รวมถึงอักขระที่ไม่มีรูปร่างหน้าตาเมื่อเราสั่งทำการแสดงผล หรือที่เรียกว่า Whitespace Character ตัวอย่างเช่น \n ใช้ในการขึ้นบรรทัดใหม่ หรือ \t ใช้ในการย่อหน้าหรือเว้นวรรค จะมีฟังก์ชันต่างๆ ดังนี้
split() | แยกสตริงด้วยที่ตัวระบุ ถ้าไม่ระบุจะใช้ช่องว่าง |
join() | นำสมาชิกของรายการ เช่น ลิสต์ ทูเพิล มาเชือมเป็นสตริงเดียว |
strip() | ตัดช่องว่างและ Whitespace ก่อนและหลังสตริงออก |
lstrip() | ตัดช่องว่างและ Whitespace ก่อนสตริงออก |
rstrip() | ตัดช่องว่างและ Whitespace หลังสตริงออก |
strip(), lstrip(), rstrip() | ตัดอักขระที่ระบุ ซึ่งอยู่ก่อนหรือหลังสตริงออก ตามฟังก์ชันที่เลือก |
ตัวอย่างการใช้งาน
a = ' mindphp '.strip()
b = ' mindphp '.lstrip()
c = ' mindphp '.rstrip()
d = ' \nmindphp '.strip()
e = 'mindphp!!!'.rstrip('!')
ผลลัพธ์
ผลลัพธ์ที่ออกมาหลังจากที่ใช้คำสั่ง print จะเห็นได้ว่าช่องว่างนั้นจะถูกลบออกไป และในตัวอย่าง d ก็จะไม่มีการขึ้นบรรทัดใหม่ เพราะเราทำการลบช่องว่างนั้นออกไป และในตัวอย่าง e เราได้ทำการลบ ! ด้วยคำสั่ง rstrip('!') หรือตัดอักขระหลังสตริงออกนั่นเอง
ตัวอย่างการใช้ join
j = ('m'),('i'),('n'),('d'),('p'),('h'),('p')
j1 = ''.join(j)
j2 = '/'.join(j)
ผลลัพธ์
และผลลัพธ์ที่ออกมาเมื่อเราใช้คำสั่ง .join() จากตัวอย่าง j1 จะเห็นได้ว่าเราไม่ได้ระบุค่าอะไรเลยในคำสั่ง join() ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็จะเป็นการนำสมาชิกของทูเพิล มาเชื่อมต่อกันเป็นสตริงเดียว และจากตัวอย่าง j2 เราได้ทำการระบุ / เข้าไปในคำสั่ง join(/) ทำให้โปรแกรมแทรก / เข้าไปในสตริงใหม่ที่เราได้ทำการเชื่อมขึ้นมา
เพียงเท่านี้เราก็สามารถแยกและตัดช่องว่างของข้อมูลสตริงต่างๆได้แล้ว มันจะช่วยเราในการจัดการกับข้อมูลได้อย่างดี ซึ่งการใช้ง่ายนั้นก็ไม่ยากเลย สามารถศึกษาได้จากตัวอย่างข้างต้น และนอกจากนั้นเรายังสามารถแปลงข้อมูลชนิด ทูเพิล และ ลิสต์ ให้ออกมาเป็นข้อมูลชนิดสตริงได้อีกด้วย
ช่องทางการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : Python
ตัวแปรชนิดลิส ใน ไพทอน Python Lists Data type
ตัวแปรชนิดทูเปิล ใน ไพทอน Python Tuples Data type
ตัวแปรชนิดดิกชันนารี ใน ไพทอน Python Dictionary Data type