กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกิจการมีการทำธุรกรรมการค้ากับคู่ค้าในต่างประเทศซึ่งมีสกุลเงินและค่าเงินที่ต่างกัน ในการทำธุรกิจจึงต้องมีการแปลงอัตราสกุลเงินระหว่างกันเกิดขึ้น ซึ่งการปรับอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นแบ่งได้เป็นสองกรณีดังนี้
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นจึงจะยกตัวอย่างวีธีการคิดให้เห็นพอสังเขป
Ex. บริษัทนำชัยซื้อสินค้าจากบริษัทมาลีนี ซึ่งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา $1000 เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2563 และจ่ายชำระหนี้ในวันที่ 30 พ.ค. 2563
บริษัทนำชัยขายสินค้าให้บริษัทอานียะ ซึ่งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา $2000 เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 และได้รับชำระหนี้ในวันที่ 26 พ.ค. 2563
วันที่ 1 ม.ค. - 15 พ.ค. 2563 อัตราซื้ออยู่ที่ 35 อัตราขายอยู่ที่ 40
วันที่ 16 พ.ค. - 1 ธ.ค. 2563 อัตราซื้ออยู่ที่ 30 อัตราขายอยู่ที่ 35
กรณีกิจการเป็นเป็นผู้ซื้อ
บัญทึกบัญชีได้ดังนี้
1 ม.ค. 63 Dr.ซื้อ(1000*40) 40000
Cr.เจ้าหนี้(1000*40) 40000
30 พ.ค. 63 Dr.เจ้าหนี้(1000*40) 40000
Cr.เงินฝากธนาคาร(1000*35) 35000
กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(1000*10) 10000
กรณีกิจการเป็นเป็นผู้ขาย
3 ม.ค. 63 Dr.ลูกหนี้(2000*35) 70000
Cr.ขายสินค้า(2000*35) 70000
26 พ.ค. 63 Dr.เงินฝากธนาคาร(2000*30) 60000
กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(2000*5) 10000
Cr.ลูกหนี้ 70000
จากโจทย์ที่แสดงข้างต้นทำให้เราได้เห็นถึงการคิดกำไรขาดทุนที่เกินจากอัตราดอกเบี้ยว่าสามารถคิดได้อย่างไร รวมถึงการบัญทึกรายการซื้อ-ขาย เจ้าหนี้-ลูกหนี้ และรายการกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในรายการ ซึ่งหากธุรกิจต้องการจะทำการค้ากับบริษัทในต่างประเทศจึงควรศึกษาและตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลาให้ดีเสียก่อน สามารถตรวจสอบได้ในเว็บไซต์ต่างๆมากมาย