ด้วยความสามารถที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร ทำให้ Cloud Computing กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในหมู่ IT และ Programmer บางองค์กรเริ่มนำระบบ Cloud มาใช้บ้างแล้ว แต่หลายองค์กรก็ยังลังเล เพราะไม่รู้ว่าจะใช้ Cloud แบบไหนดี วันนี้เราเลยจะมาตีแผ่บริการทั้ง 2 รูปแบบของ Cloud ซึ่งก็คือ Private Cloud และ Public Cloud ว่าแต่ละตัวมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร เพื่อให้ผู้อ่านทุกคนที่กำลังวางแผนจะใช้บริการ Cloud เลือกใช้ Cloud ได้ตอบโจทย์การทำงานมากที่สุด
1. Private Cloud เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Internal หรือ Enterprise Cloud ที่จะอยู่ในระบบ Intranet หรือ Data Center ภายในของบริษัท ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยด้วยระบบ Firewall ที่เป็นระบบป้องกันไม่ให้ Server มีช่องโหว่ง ป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล และสามารถควบคุมการใช้งานเฉพาะโปรแกรมที่ต้องการได้ ทำให้ Private Cloud เป็นตัวเลือกชั้นเยี่ยมสำหรับบริษัทหรือองค์กรที่มี Data Center คุณภาพสูงอยู่แล้ว เพราะจะสามารถใช้ Infrastructure ของตนได้เลย
แต่ Private Cloud ก็มีข้อเสีย คือ ในการใช้บริการ Private Cloud นั้น พวกขั้นตอนการจัดการ ซ่อมบำรุง ตลอดจนการอัพเดท Data Center ทั้งหมดจะตกเป็นภาระหน้าที่ของผู้ใช้บริการ และยิ่งนานวันเข้า Server ต่างๆ ย่อมมีการเสื่อมสภาพ ต้องการการปรับเปลี่ยน หรือซื้อของใหม่มาแทนที่ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายราคาแพง แต่ถึงอย่างนั้น Private Cloud ก็มาพร้อมกับข้อเสนอด้านระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง และมีความเป็นส่วนตัวสูงสมชื่อ โดยแทบจะไม่มีการแชร์ทรัพยากรร่วมกับผู้ใช้บริการรายอื่นๆ เลย เหมาะสำหรับบริษัทที่มีข้อมูลอันเป็นความลับ หรือละเอียดอ่อนจำนวนมาก
2. Public Cloud เป็นรูปแบบหนึ่งของบริการ Cloud ที่อยู่ภายใน Virtualized Environment ทั้งยังมีแหล่งทรัพยากรทางกายภาพร่วมกัน โดยสามารถเข้าถึงได้ทาง Public Network เช่น Internet เป็นต้น ข้อแตกต่างหลักๆ ระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud คือ Public Cloud สมัครและใช้งานได้ง่าย บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบภาระการจัดการ หรือบำรุงรักษาใดๆ ทั้งสิ้นในการใช้บริการ Public Cloud เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้บริการจะถูกเก็บไว้ใน Data Center ของผู้ให้บริการ ภาระดังกล่าว รวมไปถึงการอัพเดทระบบจึงตกเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการไปโดยปริยาย ทำให้ Public Cloud ตอบโจทย์ของหลายๆ บริษัท โดยเฉพาะกลุ่ม Start Up หน้าใหม่ที่ยังไม่มี Data Center ภายในและมีเงินทุนไม่สูงพอจะรับภาระของ Private Cloud นอกจากนี้ Public Cloud ยังช่วยลดความล่าช้าในการ Test และ Deploy Products อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Public Cloud ก็มีข้อด้อยอยู่ตรงที่ว่า ถึงแม้ว่าข้อมูลของผู้ใช้บริการ Public Cloud แต่ละรายจะถูกเก็บแยกจากกันชัดเจน และมีโอกาสเกิดปัญหาข้อมูลรั่วไหลได้มาก บริการ Public Cloud ก็ยังคงทำให้หลายๆ บริษัทรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้วองค์กรใหญ่ๆ อาจเลือกลงทุนกับ Private Cloud ในขณะที่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็กมีแนวโน้มจะเลือกเส้นทางของ Public Cloud แล้วคุณล่ะ เลือกบริการแบบไหนกัน?
Public vs. Private Cloud ต่างกันยังไง?
Moderators: mindphp, ผู้ดูแลกระดาน
-
- PHP Jr. Member
- Posts: 15
- Joined: 25/09/2017 2:31 pm
-
- Similar Topics
- Replies
- Views
- Last post
-
- 1 Replies
- 789 Views
-
Last post by jataz2
01/12/2014 2:38 pm
-
- 1 Replies
- 3305 Views
-
Last post by mindphp
01/10/2020 1:13 pm
-
- 0 Replies
- 2647 Views
-
Last post by kubarnaza
08/01/2018 3:59 pm
-
- 0 Replies
- 487 Views
-
Last post by kubarnaza
26/12/2017 5:58 pm
-
- 0 Replies
- 687 Views
-
Last post by mindphp
02/08/2019 3:39 pm
-
-
Hybrid Cloud ส่วนผสมที่ลงตัวของ Cloud Computing
by kubarnaza » 21/12/2017 5:29 pm » in พูดคุยเรื่องทั่วไป จับฉ่าย - 0 Replies
- 844 Views
-
Last post by kubarnaza
21/12/2017 5:29 pm
-
-
- 2 Replies
- 1367 Views
-
Last post by Benzgino
13/06/2016 1:51 pm
Who is online
Users browsing this forum: Google [Bot] and 12 guests