ในช่วงที่รัฐบาลประกาศล็อคดาวน์มาตาการที่จะช่วยเยี่ยวยาผู้ประกอบการและพนักงาน คือ "มาตาการเยียวยานายจ้างและลูกจ้างระบบประกันสังคมตามมาตรา 33"
ผู้ประกันตนมาตรา 33 คือ ลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป อายุไม่ต่ำว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
- พื้นที่ที่ได้อนุมัติปรับพื้นที่สีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพิ่มเติมเป็น 10 จังหวัด ดังนี้
1. กรุงเทพมหานคร
2. นครปฐม
3. นนทบุรี
4. ปทุมธานี
5. สมุทรปราการ
6. สมุทรสาคร
7. นราธิวาส
8. ปัตตานี
9. ยะลา
10. สงขลา
- สำหรับกิจการ 9 หมวดประกอบด้วย
1. ก่อสร้าง
2.ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
3. ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ
4. กิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ
5. ขายส่งขายปลีกและซ่อมยานยนต์
6. ขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
7. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุนกิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์
8. กิจกรรมทางวิชาการ
9. ข้อมูลข่าวสารและสื่อสาร
- รูปแบบการให้ความช่วยเหลือในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33
1. นายจ้างและผู้ประกอบการ รัฐบาลยังคงจ่ายให้นายจ้างตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาทต่อหัว ต่อสถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน
2. ลูกจ้าง จ่ายเพิ่มเป็น 2,500 บาทต่อคน จากที่ลูกจ้างจะได้รับตามมาตรการช่วยเหลือเดิมเพียง 2,000 บาทต่อคน ซึ่งเมื่อรวมกับจ่ายชดเชยเยียวยาร้อยละ 50 ของรายได้ให้ลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน7,500 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ทำให้ผู้ประกันตน ม.33 สัญชาติไทย จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เกิน 10,000 บาทต่อคน
เพิ่มเติม
- เพิ่มสิทธิให้ผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ที่ประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน สำหรับผู้ที่อยู่นอกระบบ ม.33 อาชีพอิสระ ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน
ผู้ประกันตนมาตรา 39 คือ ลูกจ้างที่เคยทำงานอยู่ในสถานประกอบการ และประสงค์ที่จะสมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ ต้องสมัครภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง
ผู้ประกันตนมาตรา 40 คือ ประชาชนทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีอายุ 15-60 ปีบริบูรณ์
สามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
https://www.sso.go.th/eform_news/?fbclid=IwAR124h86wJSmxubwBfCP1Xz_2AiF5eZo_ZHvPaT5jpgjJPEXSHzBnSYi6NI
จากที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นมาตรการการเยียวยาทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในพื้นที่สีแดงที่ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้อง โดยวันแรกที่จะมีการโอนเงินจะเป็นวันที่ 23 กรกฎาคม นี้ โดยกระทรวงการคลังจะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมนี้ (พ.ศ.2564) เป็นต้นไป
อ้างอิง
- https://www.thansettakij.com/general-news/487679
- https://www.sso.go.th/eform_news/?fbclid=IwAR124h86wJSmxubwBfCP1Xz_2AiF5eZo_ZHvPaT5jpgjJPEXSHzBnSYi6NI
- https://www.thairath.co.th/news/politic/2139502