มาตรฐาน ISMF 7 (ไอเอสเอ็มเอฟ 7) คืออะไร
ISMF 7 (ไอเอสเอ็มเอฟ 7) ย่อมาจาก Information Security Management Framework (อินฟอเมชั่น ชิคูลิตี้ เมเนจเม้นต์ เฟรมเวิร์ก) เป็นมาตรฐานตรวจสอบ และประเมินความปลอดภัยระบบสารสนเทศที่พัฒนาโดยนักวิชาการคนไทย จุดประสงค์เพื่อให้เป็นแนวทางในการปริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบันของการโจมตีระบบโดยแฮกเกอร์และมัลแวร์ต่าง ๆ
นอกจาก CIO (ซีไอโอ) ยุคใหม่ต้องศึกษามาตรฐานสากลด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแล้ว พวกเขายังมีหน้าที่ในการกำหนดยุทธศาสตร์ ทิศทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กร ตลอดจนมาตรการในการรักษาความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กร เนื่องจากเป็นมีบุคลากรที่รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง
CIO ควรมีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดี และเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และอนาคต โดยสรุปได้ 6 ข้อ ดังนี้
1. มีกลยุทธ์ในการรับผิดชอบดูแลเรื่องการประหยัดงบประมาณ
การใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดซื้อจัดจ้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จำเป็นต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง การตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่จึงเป็นความท้าทายของ CIO เพราะหากตัดสินใจผิดก็อาจส่งผลเสียในระยะยาวให้แก่องค์กรได้
2. กำหนดแผนยุทธ์ศาสตร์ด้านความปลอดภัยระบบสารสนเทศให้ชัดเจนและนำไปปฏิบัติจริงได้
แผนยุทธ์ศาสตร์ในระยะยาวควรกำหนดออกมาให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการด้านสารสนเทศและการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ จากนั้น แผนระยะกลางและแผนระยะสั้น ก็ควรถูกกำหนดออกมาเช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น องค์กรควรมีการจัดทำการประเมินความเสี่ยงระบบสารสนเทศเป็นประจำทุกปี และควรมีการจัดทำแผนฝึกอบรม Information Security Awareness Training (อินฟอเมชั่น ชิคูลิตี้ อวาเรท เทรนนิ่ง) ในทุก ๆ 3 – 6 เดือน เป็นต้น
3. เพิ่มความรู้และมีความรอบรู้เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและไม่ล้าสมัย
ยกตัวอย่างการเลือกใช้แพลตฟอร์มว่าจะใช้ Windows Server 2003 Platform (วินโดว์ เซิฟเวอร์ 2003 แพรดฟอร์ม) หรือ UNIX/LINUX Platform (ยูนิกซ์/ลินุกซ์ แพรดฟอร์ม) การเลือกใช้เทคโนโลยี J2EE : Jave 2 Enterpirse Edition (จาวา 2 เอ็นเตอร์ไพล์ อดิชั่น) หรือเลือกใช้เทคโนโลยี Dot NET (ดอทเน็ต) ของ Microsoft (ไมรโครซอฟต์) เป็นต้น
4. นำองค์กรเข้าสู่มาตรฐานกำหนดความปลอดภัยสารสนเทศที่สากลให้การยอมรับ และเตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบระบบสารสนเทศ
การนำมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยระบบสารสนเทศ เช่น ISO/IEC17799 (ไอเอสโอ/ไออีชี17799) หรือ CobiT (โคบิต) มาประยุกต์ใช้บางส่วน ถือเป็นเรื่องจำเป็น CIO (ซีไอโอ) ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน โดยองค์กรอาจจะไม่จำเป็นต้องได้รับใบรับรองมาตรฐาน BS7799-2 ในกรณีที่องค์กรมองว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการได้รับใบรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยนั้นยังไม่ชัดเจน
แต่องค์กรก็ควรนำมาตรฐานสากลที่เป็น Best Practice (เบส พาสทริก) ต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อความปลอดภัยขององค์กรเอง และ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคของไอทีภิบาล
การตรวจสอบระบบสารสนเทศโดยผู้ตรวจสอบภายนอกหรือผู้ตรวจสอบภายในเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีเพื่อให้แน่ใจถึงระดับของความเสี่ยงที่ผู้บริหารยอมรับได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อองค์กร
5. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงานและพัฒนาการสื่อสารกับผู้ร่วมงานให้มีความชัดเจนและความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน
ปัญหาของ CIO (ชีไอโอ) ในหลายองค์กร คือ ไม่สามารถอธิบายการทำงานด้านสารสนเทศต่าง ๆ ให้ผู้บริหารระดับสูง เช่น CEO (ชีอีโอ) หรือ CFO (ชีเอฟโอ) เข้าใจ และให้การสนับสนุนได้อย่างมากพอ ทำให้หลายโครงการด้านสารสนเทศ ไม่ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น CIO ควรต้องมีทักษะในการพูดคุย การติดต่อ ตลอดจนการนำเสนอในรูปแบบมืออาชีพ ที่มีความชัดเจน และ ง่ายต่อการเข้าใจ
6. เตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความปลอดภัยสารสนเทศที่อาจเกิดขี้นได้
แผน BCP (Business Continuity Planning) และ DRP (Disaster Recovery Planning) ควรถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้องค์กรพร้อมกับการเตรียมรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือ Incident Response Management ที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อการทำงานโดยรวมขององค์กรได้ โดย CIO ต้องช่วยสนับสนุนและเป็นแกนหลักในการจัดทำแผนดังกล่าวด้วย
โดยสรุป ตำแหน่ง CIO นั้นเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อองค์กรอย่างสูงในยุคที่เทคโนโลยีระบบสารสนเทศ และการสื่อสาร เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินงานขององค์กรในปัจจุบัน การกำหนดกลยุทธ์ในการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศเป็นเรื่องสำคัญที่ CIO ทุกท่านต้องจัดทำขึ้น และ CIO จะต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวโดยปริยาย
มาตรฐานสากล ISO
ISO คืออะไร ไอเอสโอ คือองค์การมาตรฐานสากล
อ้างอิง
gotoknow.org
bloggang.com