ความแตกต่างระหว่าง UIP (ยู ไอ พี), Session (visit) (เซสชั่น) และ  User (visitor) (ยูซเซอร์) คำศัพท์ที่หลายท่านอาจจะเข้าใจผิด

             หลายๆท่านที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์คอยู่ก็คงจะเคยได้ยินคำศัพท์เหล่านี้มาบ้าง เช่น UIP, Session (visit) หรืออาจะเป็นคำว่า  User (visitor) ซึ่งทั้งสามคำนี้เป็นคำที่ใช้บอกจำนวน traffic ที่เข้าเว็บไซต์ของเรา แต่มีความแตกต่างกันอยู่มากพอสมควร จึงทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและนำไปใช้งานอย่างไม่เหมาะสมได้ สำหรับบทความนี้เราจะมาอธิบายความหมายของคำแต่ละคำให้เข้าใจได้อย่างง่ายและถูกต้อง

             คำว่า UIP คือ จำนวนการเข้าเว็บไชต์ที่ดูจาก UIP หรือ unique IP address (ยูนิคไอพีแอดเดรส) ซึ่งหมายความเป็นการนับจำนวนไอพีที่ไม่ซ้ำกันที่เข้ามาในเว็บในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งการใช้ UIP เป็นสิ่งที่อาจจะฟังแล้วคุ้นเคยที่สุด คนทั่วไปมักจะพอเข้าใจ แต่ UIP ก็เป็นเมทริคที่ให้ความคลาดเคลื่อนได้มากที่สุดเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น หากบริษัทหนึ่งมีไอพีในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตเพียงไอพีเดียว แต่มีพนักงานสิบคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตที่เครื่องของตัวเองเพื่อเข้ามาในเว็บ traffic ของเว็บไซต์นั้นจะถือว่ามีการเข้ามาเพียงหนึ่งคนเท่านั้น

             คำว่า Session (Visit) เมตริคนี้จะเห็นได้ในเกือบทุกรีพอร์ทของ google analytics เป็นการนับ traffic (ทราฟฟิค) ตาม session ที่เกิดขึ้นจากการเข้าเว็บไซต์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต หรือมือถือ ซึ่งคำว่า session คือช่วงเวลาหนึ่งที่ user เข้าใช้งานเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง โดยที่ Session แต่ละ Session ไม่จำเป็นต้องมีเวลาเท่ากันก็ได้
ตัวอย่างเช่น นาย A เข้าเว็บแล้วเปิดหน้าเพจสามหน้าแล้วเดินออกไปกินข้าวชั่วโมงหนึ่ง session นั้นจะหมดอายุลง หลังจากกลับจากกินข้าว นาย A คลิ้กลิ้งกลับไปที่หน้าแรก session ใหม่จะเกิดขึ้น ในกรณีนี้ Session จะเท่ากับ 2 ครั้ง

            คำว่า User (Visitor) เป็นการนับจำนวน User นั้น ตัวอย่างเช่น กูเกิ้ลจะนับจาก cookie ตัวหนึ่งซึ่งจะมีการเก็บ User ID เอาไว้ หมายความว่าถึงแม้จะมีการเข้าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งทุกวันวันละครั้งเป็นเวลาหนึ่งเดือน เวลาเราดูรีพอร์ทใน Google Analytics (กูเกิ้ล อะนาไรติก) เดือนนั้น เราจะเห็นเป็น 1 user เท่านั้น

           ทั้งนี้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเน็ตเวิร์คก็ยังมีอีกหลายคำที่อาจจะมีความหมายที่คล้ายคลึงกัน จนทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจผิด เราจะต้องดึงเอกลักษณ์ของแต่ละคำออกมาให้ได้เพื่อเป็นจุดสังเกตุในการจดจำ เพื่อที่จะไม่ให้นำไปใช้งานผิด

ภาพประกอบบทความ: googleanalyticsthailand.wordpress.com