E-Commerce อี คอมเมิร์ซ คืออะไร
การค้าขายเป็นเรื่องที่เราได้คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เนื่องจากในชีวิตประจำวันเราก็จำเป็นต้องมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออาหารรับประทาน ซื้อของใช้ต่างๆ เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและอำนวยความสะดวกให้กับตนเอง
สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ (ประมาณ 6,000 – 7,000 ปี ขึ้นไป) สมัยนั้นมนุษย์ยังไม่ได้มีการอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นสังคม แต่ละครอบครัวจะดำรงชีพอยู่ด้วยตามลำพัง สร้างบ้านพักอาศัย ทำเครื่องนุ่งห่ม เพาะปลูกพืช และล่าสัตว์ เพื่อเลี้ยงชีพตามความสามารถของแต่ละคน ซึ่งในยุคนี้ยังไม่รู้จักการนำอาหารหรือสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกัน แต่ต่อมาเมื่อสังคมมีการขยายตัวมากขึ้น การอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นหมู่บ้าน ทำให้มนุษย์ต้องการสิ่งต่างๆ มากขึ้นเพื่อใช้ในการดำรงชีพประกอบกับความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น บางคนถนัดล่าสัตว์ บางคนถนัดเพาะปลูก บางคนในการทำเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น สาเหตุดังกล่าว ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนขึ้น ดังนั้นแต่ละบุคคลจะเริ่มหาสิ่งของโดยตามความสามารถของตนเองเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่าย โดยการแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายเกิดความพึงพอใจต่อสิ่งของซึ่งกันและกัน ต่อมาเมื่อสังคมได้ขยายตัวมากขึ้น การที่จะนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้มีข้อจำกัด ดังนั้นจึงเกิดเหรียญเงินตราขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งการแลกเปลี่ยนด้วยเงินตราได้ถูกนำมาใช้จนถึงในปัจจุบันนี้ และในปัจจุบันนี้เป็นโลกที่มีการพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ดังนั้นการซื้อขายจึงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่เมื่อคนซื้อคนขายมาเจอหน้ากันแล้วซื้อขายสินค้า แต่การซื้อขายในยุคปัจจุบันนี้ สามารถซื้อขายสินค้ากันได้โดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าผู้ซื้อและผู้ขาย เพียงแค่ผู้ซื้อเห็นสินค้าก็สามารถเกิดการซื้อขายได้แล้ว เราเรียกระบบนั้นว่า E-Commerce
ระบบ E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) มีชื่อเต็มๆว่า Electronic Commerce (อิเล็กทรอนิกส์'คอมเมิร์ซ) หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านอินเตอร์เน็ต การโฆษณาสินค้า การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
จุดเด่นของระบบอีคอมเมิร์ซ คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย และการแลกเปลี่ยนสินค้าสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกวินาที ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนที่ยังไม่มีระบบอีคอมเมิร์ซ จะต้องรอเวลาให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกัน จึงจะเกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าได้ ในสมัยยุคเริ่มแรกอีคอมเมิร์ซ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คน และผู้คนต่างก็กลัวการถูกโกงต่างๆ และการสร้างระบบอีคอมเมิร์ซ ในสมัยก่อนนั้น จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือนักโปรแกรมเมอร์ในการสร้างระบบอีคอมเมิร์ซขึ้นมา แต่ในปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาความก้าวหน้าของระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ผู้ที่ต้องการใช้ระบบไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือนักโปรแกรมเมอร์ในการเขียนระบบอีคอมเมิร์ซขึ้นมาแล้ว ซึ่งใครๆ ก็สามารถมาเข้ามาทำการค้าขายด้วยระบบอีคอมเมิร์ซได้ทุกคน และ ระบบอีคอมเมิร์ซยังมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่าสมัยยุคเริ่มแรกอีกด้วย ดังนั้นระบบอีคอมเมิร์ซจึงฮิตและมีผู้ใช้เป็นจำนวนมากและยังมีการใช้CRM ทิศทางการตลาดแนวใหม่ในยุค e-Commerceอีกด้วย
ประเภทของระบบ E-Commerce
1.ผู้ประกอบการกับผู้บริโภค (Business to Customer – B2C) (บิซซิเนส ทู คัสเทิมเมอะ-บีทูซี) คือ การค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค เช่นการขายอาหาร การขายของใช้ต่างๆ เป็นต้น
2.ผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (Business to Business – B2B) (บิซซิเนส ทู บิซซิเนส) คือ การค้าระหว่างผู้ค้ากับผู้ค้า ซึ่งในที่นี้จะครอบคลุมถึงเรื่องการขายส่ง การทำสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งจะมีความซับซ้อนในระดับต่างๆ กันไป
3.ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Customer to Customer – C2C) (คัสเทิมเมอะ ทู คัสเทิมเมอะ - ซีทูซี) คือ การค้าระหว่างผู้ซื้อกับผู้ซื้อด้วยกัน ซึ่งการค้าขายแบบนี้เป็นไปได้หลายรูปแบบวัตถุประสงค์ เช่น ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หรือทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง เป็นต้น
4.ผู้ประกอบการกับภาครัฐ (Business to Government – B2G) (บิซซิเนส ทู กัฟเวิร์เมินทฺ - บีทูจี) คือ การค้าระหว่างผู้ประกอบการกับภาครัฐ ที่นิยมใช้กันมากก็เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ หรือที่เรียกว่า E-Government Procurement (อี-กัฟ'เวิร์เมินทฺ โพรคิวเมนทฺ) ในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว รัฐบาลจะทำการซื้อ/จัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น การประกาศจัดจ้างของภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
5.ภาครัฐกับประชาชน (Government to Customer – G2C) (กัฟเวิร์เมินทฺ ทู คัสเทิมเมอะ - จีทูซี) คือ การค้าระหว่างภาครัฐกับผู้บริโภคทั่วไป ในที่นี้คงไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะเป็นเรื่องของการบริการของภารรัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชนชน เช่น การคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต การเสียค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ หรือค่าอื่นๆที่เกี่ยวกับภาครัฐ เป็นต้น
20 อันดับของเว็บไซต์ E-Commerce ที่ดีที่สุด
1.Rebook E-Commerce (รีบุ๊ค อีคอมเมิร์ซ) | 2.My Own Bike (มาย โอเวน ไบคฺ) |
3.Kipling Brazil (คิฟลิง บราซิล) | 4.Le Coq Sportif (ลา คัฟ สปอทอีฟ) |
5.Tatchies (ทัสชีส) | 6.Spyder E-Commerce (สปายเดอร์ อีคอมเมิร์ซ) |
7.Oak Street (โอ๊ค สทรีท) | 8.Discover Sony Store (ดิสโคฟเวอร์ โซนี่ สโตร) |
9.The Cassette E-Commerce (เดอะ คาเซท อีคอมเมิร์ซ) | 10.Noon Style (นูน สไตน์) |
11.Hunter’s Wine Shop (ฮันเตอร์ซ วไน์ ช็อป) | 12.Stella McCartney (สเทล'ละ แม็กคาร์ทนี่) |
13.Luhsetea (ลาซเซ็ตที) | 14.x-doria (เอ็กซ์โดเรีย) |
15.Soho Fixed Bikes (โซโฮ ฟิกซ์ ไบค์) | 16.The Hungarian Wine (เดอะ ฮังกาเรียน ไวน์) |
17.Ron Rizzo (รอน ริซโซ่) | 18.612 All Star Collection (ซิกฮันเดิส ทแวลว ออล สตาร์ คะเลค'เชิน) |
19.Le Tipi (ลา ทีพี) | 20.Mum Made (มัม เมส) |
Software E-Commerce (ซอฟต์แวร์ อีคอมเมิร์ซ) ที่แนะนำ เช่น Prisync (ไพร์'ซินซ) , Sana Commerce (ซาน่า คอมเมิร์ซ), Sellfy (เซล'ฟี่), iVend eCommerce(ไอเวนด์ อีคอมเมิร์ซ), API2Cart (เอพีไอทูการ์ด), Auction software (ออคชั่นซอฟต์แวร์), Miva Merchant(มีว่า เมอเชิน), Upshot Commerce Platform (อัพชอท คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม) , Online Print Shop (ออนไลน์ ปริ้น ช็อป) , Opencart (โอเพนการ์ด) เป็นต้น
สำหรับผู้ที่อยากศึกษาหรืออยากหัดลองขายสินค้าออนไลน์หรืออยากศึกษาระบบอีคอมเมิร์ซ โดยมีเว็บไซต์เป็นหน้าร้านของตัวเอง สามารถลองใช้ lnwshop (เทพช็อป) ในการศึกษาหรือตั้งร้านเป็นของตัวเองได้ที่ www.lnwshop.com ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าหากต้องการจดโดนเมนเนมเป็นเว็บของตัวเองหรือต้องการตกแต่งเว็บไซต์ให้สวยงามกว่าเดิม จำเป็นจะต้องชำระค่าบริการจดโดเมนเนม และต้องชำระค่าบริการเพื่อซื้อ Template (เทมเพลท)
ดังนั้นระบบอีคอมเมิร์ซ เป็นระบบที่ฮิตและมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมการค้าขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและลดเวลาการทำงานได้เป็นอย่างมาก และยังสามารถซื้อขายสินค้าได้ทุกเวลา และทุกวินาทีอีกด้วย
References : ."ความรู้เบื้องต้น E-Commerce". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:www.thaiecommerce.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=538636758. [06 มิ.ย. 2016].
ภาพประกอบจาก : www.pixabay.com