ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ทำให้ติดเชื้อ Malware ในเอเชีย
ผลจากการศึกษา “ความเสี่ยงในการติดเชื้อ Malware จากซอฟแวร์ที่ไม่ใช่ของแท้” ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) คณะวิศวกรรมศาสตร์ พบว่า 90% ของการใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จะมีการฝังมัลแวร์เข้าไปด้วย ในขณะที่ 100% ของผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มีความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย
ข้อมูลเชิงลึกจากการศึกษาความเสี่ยงในการติดเชื้อ Malware พบว่า..
อันดับที่ 1 ของการติดเชื้อมัลแวร์ มาจากการดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟแวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งจากการศึกษาจะพบได้ว่า 100% ของผู้ที่ดาวน์โหลดบนเซิร์ฟเวอร์ จะพบกับหน้าต่างการโฆษณาต่าง ๆ ที่สามารถดาวน์โหลดมัลแวร์ติดมาได้ หรืออาจจะพบกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น ลามก อนาจาร นอกจากนี้การดาวน์โหลดแบบ peer-to-peer ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
- 34% มีการติดมัลแวร์หลังจากการดาวน์โหลดเสร็จสิ้น และมีการติดตั้ง
- 31% จะพบว่าหลังจากการดาวน์โหลดเสร็จสิ้น จะไม่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นได้ ซึ่งทำให้เห็นถึงความไม่น่าไว้วางใจ
- 24% หลังจากการดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จ จะมีโปรแกรมอื่นแฝงตัวเข้ามาและติดตั้งตัวเองลงในคอมพิวเตอร์ของเรา โดยที่ไม่รู้ตัว
- 18% จะพบว่าหลังจากการดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จ จะมีการเปลี่ยนค่าเริ่มต้นในเบราว์เซอร์และ Add-on ของเรา
อันดับที่ 2 ของการติดเชื้อมัลแวร์ มาจากคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมาใหม่ และมีการติดตั้งซอฟแวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มาให้ ทั้งนี้เราต้องทำการตรวจสอบก่อนการใช้งานว่ามีมัลแวร์ติดมาหรือไม่ หรืออาจจะเลือกซื้อคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการที่ลงซอฟแวร์แท้แทน
อันดับที่ 3 ของการติดเชื้อมัลแวร์ มาจากซอฟแวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ที่อยู่ใน CD/DVD จาก 165 ตัวอย่างพบว่า 61% ของตัวอย่างทั้งหมดมีมัลแวร์แฝงอยู่
จากการสำรวจพบว่า ประเภทของมัลแวร์ที่พบมากที่สุดคือ Trojan ที่ดูเหมือนจะไม่อันตราย แต่จะมีแฝงตัวเข้ามาเพื่อแอบเก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน เลขบัญชีธนาคาร และหมายเลขบัตรเครดิต
วิธีการป้องกันมัลแวร์
- เลือกใช้ซอฟแวร์ที่ถูกกฎหมาย
- อัพเดตซอฟแวร์ให้เป็นปัจจุบัน
- ไม่ใช้ระบบปฏิบัติการเก่า เช่น Windows XP
- ตรวจสอบโปรแกรม หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นที่เข้ามาในตอมพิวเตอรของเราอย่างสม่ำเสมอ
ข้อมูลจาก : https://news.microsoft.com