camelcase และ snakecase
การเขียนโค้ดที่ดีนั้นควรเขียนให้เข้าใจง่าย และแบ่งเป็นส่วนๆเพื่อลดความซับซ้อน การเขียนโค้ดไม่มีกฏตายตัวเลย ว่าเราจะต้องใช้รูปแบบไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขียนโค้ดยังไงให้โปรแกรมมันทำงานได้ และการเขียนโปรแกรมนั้นไม่ใช่การทำงานคนเดียว เราต้องทำงานกับคนอื่น การเขียนโค้ดแบบมี Format จะทำให้คนที่ทำงานร่วมกับเราอ่านโค้ดได้ง่ายขึ้น
Camelcase
การตั้งชื่อตัวแปรให้รูปร่างของตัวแปรมีส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายๆอูฐ ยกตัวอย่างเช่น เราจะสร้างตัวแปรสักตัวหนึ่งเพื่อมาเก็บเบอร์โทรศัพท์
phoneNumber --> ถ้าเราใช้รูปแบบของ Camelcase จะได้หน้าตาแบบนี้ ภาษาของโปรแกรมส่วนใหญ่ไม่ให้ตั้งชื่อตัวแปรแบบมีช่องว่าง เราเลยต้องตั้งชื่อแบบติดกัน แต่ถ้าจะเขียนแบบ phonenumber มันก็จะอ่านยาก เขาเลยคิดกันว่าให้ตัวแรกของคำเป็นตัวใหญ่ (ยกเว้นตัวแรก) รูปร่างของมันจึงออกมาเหมือนอูฐ แต่ถ้าตัวแปรนั้นเป็นชื่อของ Class จะยกเว้นให้ตัวหน้าเป็นตัวใหญ่ได้ เช้น PhoneNumber
นอกจากการตั้งชื่อแล้ว การวางปีกกาก็ไม่เหมือนกับ Snakecase เช่น
function phoneNumber(){
if(true){
//code!!
}
}
Snakeacase
ต่อมาเป็นแบบ Snakecase เป็นรูปแบบงู สมมติถ้าเราจะสร้างตัวแปรเพื่อเอามาเก็บเบอร์โทรศัพท์ เราจะใช้แบบนี้ Variables
phone_number --> ใช้เครื่องหมาย _ ในการคั่นแต่ละคำเอาไว้ วิธีนี้จะทำให้คำยาวขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าแต่ละตัวโดยรวมแล้วจะมีความสูงเท่ากัน ส่วนถ้าตัวแปรตัวนั้นไม่ใช่ variable แต่เป็นชื่อคลาสเราจะตั้งให้ตัวแรกของทุกคำเป็นตัวใหญ่ เช่น Phone_Number
ส่วนการวางปีกกาจะเป็นแบบนี้
function phone_number()
{
if(true)
{
//code!
}
}